วันศุกร์, 05 กรกฎาคม 2567
ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ยินดีต้อนรับ Welcome to Nakhonphanom Immigration

วันที่ 29 ก.พ.67 เวลา 13.00 น. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ

วันที่ 29 ก.พ.67 เวลา 13.00 น. ภายใต้การอำนวยการขอ' พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,
พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ
รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม.,
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ นิลมงคล รอง ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.ณัฐกิตติ์ มีสุข ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2, พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม.
ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
 
 
 
 
1. สตม. รวบ 2 จีน สวมตัวเป็นแคนาดา คา Gate พร้อมหนังสือเดินทางปลอม
 
กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จับกุม MR.JIANBO (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน และ MR.PINHUA (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติจีน
โดยกล่าวหาว่า มีหรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สถานที่จับกุม ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ
 
กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้รับการประสานจากสายการบิน EVA Air ว่าพบผู้โดยสารชาวจีนต้องสงสัยจำนวน 2 คน นำหนังสือเดินทางแคนาดา
มาแสดงต่อพนักงานสายการบินเพื่อจะเดินทางไปเมืองไทเป ไต้หวัน แล้วเปลี่ยนเครื่องไปเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แต่ไม่พบประวัติการเดินทาง
ออกมาจากประเทศแคนาดามาก่อน และไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จึงได้ไปตรวจสอบ พบคนต่างด้าวตามที่ได้รับแจ้งบริเวณทางออกขึ้นเครื่อง Gate E3
จึงได้นำหนังสือเดินทางประเทศแคนาดาของผู้โดยสารทั้ง 2 คน มาตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทางแคนาดาปลอม และจากการตรวจค้น
กระเป๋าสัมภาระพบหนังสือเดินทางจีนที่บุคคลทั้งสองนำติดตัวมาใช้เดินทางออกจากเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยมีแผนการเดินทางคือจะใช้หนังสือเดินทางแคนาดาปลอมที่ได้ซื้อมาจากเอเย่นต์ในเมืองโคลัมโบ เพื่อขึ้นเครื่องไปเมืองไทเป ไต้หวัน จุดหมายปลายทาง
เพื่อลักลอบเข้าเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา จากการประสานงานตรวจสอบสถานภาพพลเมืองของทั้งสองคนกับ สอท.แคนาดา ประจำประเทศไทย
รับแจ้งว่า ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือเดินทางแคนาดาของทั้งสองคน ไม่ตรงกับฐานข้อมูลของทางการแคนาดา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงจับกุมคนต่างด้าวทั้งสอง
ในความผิดฐาน "มีหรือมีไว้เพื่อใช้ ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ" นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
 
 
2. สตม.จับนายหน้ารถตู้ขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีหมายจับนาน 5 ปี นำส่งชายแดนไทย-พม่า โดยฝ่าฝืนกฎหมาย
พร้อมก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้างกว่า 200,000 บาท
 
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม นายอ่อง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ จ.136/2564 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564
ต้องหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากจั่น จว.ระนอง
ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณบ้านพักริมคลองบางบอน แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ
 
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ขับขี่รถพยาบาล 2 ราย
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม, และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558” พร้อมจับกุมตัวแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 10 คน โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าว
เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558”
 
จากการสอบถามผู้ขับขี่ ให้การรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ได้รับจ้างขนแรงงานชาวเมียนมา ให้กับนายอ่อง โดยได้ขับรถไปรับนายอ่องในพื้นที่กรุงเทพฯ
เพื่อไปรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดระนอง บริเวณปากซอยก่อนถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง ประมาณ 100 เมตร และได้ร่วมเดินทางกลับพร้อมแรงงานต่างด้าว
เมื่อมาถึงสี่แยกไฟแดง อ.กระบุรี จว.ระนอง นายอ่องขอลงรถอ้างว่าจะกลับไปบ้านที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และได้หลบหนีไป ต่อมาศาลจังหวัดระนอง
ได้อนุมัติหมายจับ ที่ จ.136/2564 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ให้จับนายอ่องในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ
ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558”
 
จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. สืบทราบว่านายอ่อง ได้เข้ามาในประเทศไทยและได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายอ่อง
ได้พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านบางบอน จึงได้ทำการเฝ้าติดตามจนกระทั่งพบตัวนายอ่อง จึงได้ทำการจับกุมตามหมายจับดังกล่าว ในเบื้องต้นนายอ่อง
ได้รับสารภาพว่าในช่วงที่ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตนได้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า ในการนำแรงงานชาวเมียนมา
เข้ามายังประเทศไทย ผ่านชายแดนจังหวัดระนอง และจัดหารถตู้วิ่งรับและนำแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและกรุงเทพฯ ได้ค่าจ้าง
ประมาณ 10,000 บาท/คน ซึ่งรายได้ค่อนข้างดีจึงได้เป็นนายหน้าในการหาคนเข้ามาทำงานเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน
เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
บก.สส.สตม. ได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านายอ่องได้ก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้าง เหตุเกิดในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ไปจำนวนหลายครั้ง ความเสียหายกว่า 2 แสนบาท
จึงได้ประสาน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการอายัดตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวต่อไป
 
 
 
3. สตม.รวบหนุ่มปากีสถานอัปโหลดภาพเปลือยสาวหลังมีความสัมพันธ์ลงแอปพลิเคชัน
 
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายซาบาส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 835/2566 ลงวันที่ 12 กันยายน 2566
ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึง
ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าหอพักในซอยรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
 
การจับกุมผู้ต้องหารายนี้สืบเนื่อง บก.สส.สตม. ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยรายหนึ่งว่าได้ถูกอดีตสามีซึ่งเป็นชาวปากีสถานแอบถ่ายภาพโป้เปลือยกายของตน
แล้วนำไปโพสต์ลงบน Facebook และ Instagram จนได้รับความอับอายและเสียหาย จึงได้สั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่า
ชาวปากีสถานดังกล่าวคือ นายชาบาส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 835/2566 ลงวันที่ 12 กันยายน 2566
ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
โดยนายชาบาสได้หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง จึงได้ไปเฝ้าติดตามจนกระทั่งพบนายชาบาส จึงได้ทำการจับกุม ตามหมายจับดังกล่าว
จากการสอบถามนายซาบาส ในชั้นจับกุมให้การว่าได้ทำการสร้างเฟซบุ๊กอวตาร (เฟซบุ๊กปลอม) และอินสตาแกรมอวตาร (ปลอม) จากนั้นได้นำภาพถ่ายโป๊เปลือยกาย
ของอดีตภรรยาที่ได้แอบถ่ายไว้ไปโพสต์ลงบนโซเชียลดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวนายชาบาส ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
 
 
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ
รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย
หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา
เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่
หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

Map on google